สวัสดีครับทุกท่าน ถนนแห่งการต่อสู้ขับเคลื่อนกับการทุจริตคอรัปชั่นและประพฤติมิชอบ โกงสิทธิ์คนพิการตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการ โดยพวกกลุ่มทุจริตที่ประกอบด้วยองค์กรคนพิการจำนวนมาก ข้าราชการที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก และยังมีองค์กรเอกชนบางแห่งร่วมด้วย กำลังถึงทางแยกใหญ่ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แม้ว่าระหว่างเส้นทางที่ผ่าน จะมีอุปสรรคจากการถูกรุมฟ้องและถูกแจ้งความดำเนินคดี มากถึง 8 คดี ก็ตาม เมื่อได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วทำให้ถึงทางแยกที่เราต้องแบ่งกำลังกระจายออกไป โดยเริ่มจากส่วนตัวผมนั้นได้ยื่นโนติส (Notice) เรียกค่าเสียหายที่เกิดจากการถูกฟ้องตลอด 3 ปี แล้วทำให้ไม่ได้ทำมาหาได้ จนสูญเสียรายได้อย่างร้ายแรง และเสื่อมเสียชื่อเสียง จำนวน 2 ฉบับ (สำหรับ 2 คดี) โดยผมขอนำหนังสือโนติส ฉบับที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มาแบ่งปันทุกท่านครับ
สามารถอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ที่ลิงก์นี้ครับ
เพื่อประกอบความรู้กับผู้อ่านทุกท่าน ผมจะได้ขอแบ่งปันแนวทางการต่อสู้ของเรา หากท่านใดต้องถูกฟ้องแบบผม แล้วชนะคดี (คดีถึงที่สุด) และเรามีความประสงค์จะฟ้องกลับ เราควรทำหนังสือแจ้งให้ฝ่ายตรงข้ามทราบกัน ส่วนตัวอาจเรียกได้ว่าเป็นมารยาท ก็ได้นะครับ คงคล้ายๆ กับที่ทางเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐก่อน ตัวอย่างจริงเรื่องการโกงสิทธิ์คนพิการ หลายปีผ่านไปสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราทราบว่าข้าราชการร่วมทุจริตด้วย ดังนั้นหลังจากให้เกียรติแจ้งข้อมูลแล้วกลับไม่ทำอะไร ซ้ำร้ายยังกลับไปแก้ระเบียบปฏิบัติ และช่วยข้าราชการที่กระทำผิดใงห้พ้นผิด เราก็ไม่ต้องเกรงใจต่อไป การยื่นหนังสือโนติส จึงเป็นขั้นตอนที่เราควรทำ ก่อนที่เราจะฟ้องกลับ ผมแอบนึกถึงสมัยโบราณ ที่มีหนังสือจากประเทศหนึ่งไปยังประเทศหนึ่งว่า ถ้าไม่ยอมแพ้ คงต้องรบกัน อารมณ์ดูหนังโบราณทั้งในและต่างประเทศบ่อยครับ
เฉพาะคดีนี้ ผมเรียกค่าเสียหายไป 7.6 ล้านบาท (เจ็ดล้านหกแสนบาทถ้วน) ในโํอกาสต่อไป ผมคงจะนำวิธีคิดค่าเสียหายมาแบ่งปันผู้อ่านทุกท่าน ว่าเรามีวิธีคิดค่าเสียหายแต่ละเรื่อง แต่ละด้านอย่างไรบ้างนะครับ สำหรับการรุกกลับ ฟ้องกลับ ในปี 2564 นี้ ผมจะได้นำมาแบ่งปันอย่างแน่นอนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น