หน้าเว็บ

17 ก.ย.62 @ "คำพิพากษา" คดีที่ 4 อาญา_หมิ่นประมาท ตอนที่ 5/5 @ "รายงานการประชุม" หลักฐานสำคัญการโกงสิทธิ์คนพิการ ประกอบการไต่สวน ที่ศาล จ.สมุทรสาคร

สวัสดีครับทุกท่าน ต่อเนื่องจากตอนที่ 4/5 ผมได้ยกหน้าสุดท้ายของรายละเอียดโครงการที่อาจจะโกงมากที่สุดในประเทศไทย มาไว้ในตอนนี้เพราะส่วนตัวผมคาดเดา ปนกับความเชื่อมั่น ว่าหลักฐานชุดนี้มีผลต่อการพิจารณา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา คือ "รายงานการประชุมหารือกรณีร้องเรียนโครงการส่งเสริมอาชีพเบเกอรี่และเครื่องดื่มเคลื่อนที่ จ.สมุทรสาคร ปี 2560" ทุกท่านลองตามอ่านดูจะรู้ว่า ผู้นำคนพิการที่เป็นโจทก์มาฟ้องศาลผม แท้จริงแล้วเป็นคนอย่างไร ผมเชื่อว่าทุกท่านที่สนใจอ่านจนจบ ทุกท่านจะมีดุลพินิจ รู้ว่าใครเป็นใครกับการโกงสิทธิ์คนพิการอย่างไม่เกรงกลัวกับบาปกรรม มีอยู่จริงๆ คนๆ นี้ ได้รับรางวัลมากมายจากหน่วยงานราชการ สงสารก็สถานประกอบการที่มาสนับสนุน ทำบุญได้บาปแทนครับ

ผมต้องขอเกริ่นก่อนว่า บทความตอนเนื้อหาสาระแน่นมากๆ เพราะมีจุดอธิบายถึง 20 จุด สอดคล้องกับรายละเอียดโครงการในตอนที่ 4/5 มีทั้งหมด 6 หน้า ในข้อมูลมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ผมจึงขอปิดชื่อทั้งหมดทุกคน แต่เฉพาะในส่วนของราชการนั้น ผมไม่ขอปิดตำแหน่งหน้าที่ เนื่องจากหากปิดตำแหน่งราชการแล้ว ผู้อ่านอาจจะไม่ทราบว่า ข้าราชการแต่ละคนมีอำนาจหน้าที่อะไร อย่างไร

ตัวอย่างหน้าแรกที่เป็น "รายงานการประชุมณ" หลักฐานสำคัญในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง



บทความนี้ขอเริ่มจากตารางสรุปงบประมาณที่อยู่ท้ายบทความตอนที่ 4/5 มีทั้งหมด 7 ข้อ เนื่องจากทุกข้อจะเกี่ยวข้องกับ "รายงานการประชุมฯ" ทั้งสิ้น ผมขยายความดังนี้นะครับ

  • ข้อ 1) ค่าโครงสร้างร้านเบเกอรี่ กาแฟและเครื่องดื่ม แบบอยู่กับที่ จำนวน 5 ซุ้มๆ ละ 100,000 บาท รวมจำนวนเงิน 500,000 บาท  // หากทุกท่านได้เห็นซุ้มขายของนี้แล้ว ท่านจะอุทานเลยว่า "แม่เจ้า 1 แสนบาทได้แค่นี้หรือ (สามารถรายละเอียดเรื่องซุ้มนี้ในบทความย่อย ตอน "เจตนาทำให้โครงการล้มเหลวของคนโกงสิทธิ์คนพิการ") เพราะว่าเฉพาะรายการนี้รายการเดียว ต้นทุนไม่น่าเกิน 2 หมื่นบาท จากสภาพที่เห็น = โกงเป็นตัวเงิน 80,000 x 5 ซุ้ม = 400,000 บาท
  • ข้อ 2) การเตรียมโครงสร้างร้านเหมือน ข้อ 1) แต่ตั้งร้านบนรถกระบะ จำนวน 5 คันๆ ละ 255,000 บาท ซึ่ง ณ ปี 2560 รถกระบะโตโยต้าไทเกอร์ตอนเดียวมีราคาไม่ถึง 150,000 บาท รวมกับซุ้มไม่เกิน 30,000 บาท รวมไม่เกิน 180,000 บาท = โกงเป็นตัวเงิน 75,000 x 5 = 375,000 บาท (สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน บทความ "เจตนาทำให้โครงการล้มเหลวของคนโกงสิทธิ์คนพิการ")
  • ข้อ 3) อุปกรณ์การขายเบเกอรี่ กาแฟและเครื่องดิ่ม ของทั้ง ข้อ 1)+2) รวม 10 ชุดๆ ละ 21,300 บาท ผมขอสรุปข้อนี้ว่า โกงหมด 100% เพราะไม่มีใครได้ ไม่มีคนพิการคนไหน ผู้ดูแลคนไหน ได้อุปกรณ์การขายเหล่านี้แม้แต่คนเดียว เท่ากับ 213,000 บาท นี้ โกงหมดนะครับ 100%
  • ข้อ 4) สินค้าเริ่มแรกในการขาย 10 ร้านค้าๆ ละ 9,943 บาท รวม 99,430 บาท รายการนี้เท่าที่ผมทราบมีการขายในรถกระบะ 5 คัน แต่ในซุ้มไม่มีหลักฐานการขาย ตีความว่าโกง 5 ร้านค้า = 5 x 9,943 = 49,715 บาท
  • ข้อ 5) วัตถุดิบให้กับกลุ่มอาชีพผลิตเบเกอรี่ ทั้ง 10 คน จำนวน 12 เดือนๆ ละ 40,285 บาท รวม 483,420 บาท ข้อนี้มีการเรียกผู้ใช้สิทธิ์ไปทำจริงเพียง 10 ครั้ง ไม่ใช่ 1 ปีเต็ม ผมตีมูลค่าให้ครั้งละ 3,000 บาท x 10 ครั้ง = 30,000 บาท เท่ากับโกงมูลค่า 483,420 - 30,000 = 453,420 บาท
  • ข้อ 6) ค่าเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิต 318,650 บาท อธิบายต่อได้ว่ามีคนจำนวน 10 คนสำหรับกลุ่มผลิตเบเกอรี่ เท่ากับ 1 คนจะได้รับเครื่องมือผลิตเบเกอรี่ คนละ 31,865 บาท ซึ่งข้อนี้ไม่มีใครได้รับเลย เท่ากับโกง 100% จำนวน 318,650 บาท
  • ข้อ 7) ข้อสุดท้าย เป็นค่าการจัดการ ตามระเบียบฯ มาตรา 35 ปี 2558 หรือพูดง่ายๆ ว่า (ตามกฎหมายนั่นเอง) ไม่สามารถจะทำได้ ผมไม่แน่ใจว่าทางราชการที่เกี่ยวข้องอนุมัติเห็นชอบข้อนี้มาได้อย่างไร ผมจึงขอประเมินว่า ในข้อ 7) นี้ที่ทางผู้นำคนพิการเสนอไว้ 395,500 บาท โกงทั้งหมด 100% ครับ ที่สำคัญใน "รายงานการประชุมฯ" ระบุชัดเจนว่าประเมินแล้วไม่ถูกใช้งานเกือบทั้งหมด ซึ่งผมได้จัดเรียงไว้แล้ว เปรียบเทียบตรงกับ [ข้อ 11] ครับ 
  • ดังนั้นหากนำยอดการโกงมารวมกัน จะมีมูลค่า = 400,000 + 375,000 + 213,000 + 49,715 + 453,420 + 318,650 + 395,500 = 2,205,285 บาท จากยอดรวมที่ผู้นำคนพิการรับมาจากสถานประกอบการ 3,285,000 บาท คิดเป็นมูลค่าการโกง มากถึง 67.13%
  • สำคัญกว่านั้นคือ ผู้นำคนพิการคนนี้ ยึดรถทั้ง 5 คันคืน โดยอ้างว่า คนพิการไม่ยอมขายของ จึงยึดคืน แล้วยังอ้างอีกว่า ตัวผู้นำคนพิการได้รับสิทธิจากสถานประกอบการให้บริหารเงิน 3 ล้านกว่าบาทนี้ ผู้นำคนพิการคนนี้จึงใช้วิธียึดรถคืน ไม่ให้ใครเลย ณ วันที่มีการจัดประชุมในวันที่ 18 กันยายน 2561 ผู้ครอบครองรถเป็นชื่อของผู้ำนคนพิการ ลูกชาย เมีย ทั้งหมด มาตามอ่านต่อว่า คนๆ นี้ ตั้งใจจะโกงอย่างไร เขาทำอย่างไร คิดอย่างไร  (น่าจะมีสมองคิดโกงแบบนี้ได้อย่างไร) ส่วนซุ้มก็ใช้งานไม่ได้จริง แปลว่า ถ้าเอามูลค่ารถกระบะพร้อมซุ้ม +กับซุ้มที่ใช้งานไม่ได้จริง มานับรวม เท่ากับผู้นำคนพิการคนนี้ แทบจะโกงหมดทั้ง 100% ผู้ใช้สิทธิ์ ซึ่งเป็นคนพิการและผู้ดูแลคนพิการทั้ง 30 คน ไม่ได้รับอะไรเลย จากโครงการนี้ ครับ



ชัดเจนนะครับว่า การประชุมครั้งนี้ในวันที่ 18 กันยายน 2561 เกิดขึ้นมาจาก มีผู้ดูแลคนพิการกลุ่มหนึ่งจำนวน 16 คน รวมตัวกันมาเขียนคำร้องกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จึงมีชื่อของผมระบุในกรอบสีเหลืองครับ ดังนั้นเอกสารอีก 5 หน้าต่อไปนี้ มีจุดจับผิดพฤติกรรมของการโกงสิทธิ์คนพิการ มูลค่ารวม 3 ล้านกว่าบาท ถึง 20 ข้อ ดังนี้ครับ

  • [ข้อ 1] มีการระบุว่า ผู้นำคนพิการคนนี้ ดำเนินการแล้ว ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ แต่ไม่ได้ราบรื่นทั้งหมด ตรงนี้ต้องพิจารณาต่อว่า ใครเป็นคนพิมพ์รายงานฉบับนี้ ถึงได้กล้าพิมพ์ว่า โครงการนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ จะเป็นหรือไม่เป็น ทุกท่านตามอ่านเนื้อหาในรายงานการประชุม เองดีกว่าครับ แค่ข้อที่ 1 กลิ่นเน่าก็โชยมาแล้วครับ
  • [ข้อ 2] ข้อนี้เห็นกันจะๆ เป็นรายการทะเบียนรถกระบะ ที่มีการระบุในรายงานว่าใครครอบครอง เป็นชื่อนายกสมาคมฯ 2 คัน + น้องชายนายกสมาคมฯ 2 คัน + ภรรยานายกสมาคมฯ 1 คัน รวม 5 คัน หากดูปีที่ครอบครอง รถแต่ละคัน แก๊งค์ทุจริตคอรัปชั่นกลุ่มนี้ครอบครองรถเหล่านี้มาเป็น 10 ปี คืาอ เท่ากับโครงการนี้ซื้อรถพวกแก๊งค์นี้ทั้งหมด แต่ไม่ยอมโอนให้คนพิการ
  • [ข้อ 3] เป็นเรื่องมูลค่ารถที่พยายามอ้างว่ามีราคาสูง ถ้ารถโตโํยต้าไทเกอร์อายุ 10 ปี แบบตอนเดียวราคา เกือบ 2 แสนบาท โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ดัง one2car คงต้องสางกันยาวนะครับ เพราะแจ้งราคาแบบโอเวอร์ครับ แต่ไม่สำคัญหรอกครับ เพราะไม่มีใครได้รถ 5 คันนี้ไป พูดกันง่ายๆ ผู้นำคนพิการคนนี้หรือหัวหน้าแก๊งค์ทุจริตสิทธิ์คนพิการกลุ่มนี้ ตั้งใจยึดรถ 5 คันนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
  • [ข้อ 4] ข้อนี้สุดๆ ทำตัวดูดีมากเลย โกงสิทธิ์คนพิการไปแล้ว 1 ปีเต็มๆ ในการประชุมกลับมาบอกในที่ประชุมว่า ตั้งใจจะโอนให้คนพิการทั้ง 30 คน จะโอนได้ยังไงครับในเมื่อไม่มีการจัดตั้งกลุ่มอะไรให้คนพิการทั้ง 30 คน หลายคนไม่ได้รู้จักกัน ตามข้อเท็จจริงหากเจ้าหน้าที่รัฐลงตรวจสอบจริงๆ จะพบว่าใน 30 คนนี้ มีตัวตนเห็นหน้าเห็นตากันเพียง 20 คน อีก 10 คนหาตัวไม่เจอนะครับ หมายถึงหาตัวมาร่วมโครงการไม่เจอ เพราะไม่เคยมาร่วมเลย ส่วนระยะเวลา โอ้โหเลยมาตั้งปีกว่าแล้ว ยังไม่โอนรถอีก ไม่รู้จะรออะไร สงสัยจะรอคนพิการให้ตายให้หมดก่อนมั้งครับ
  • [ข้อ 5] ข้อนี้คนที่รู้ความจริงทุกฝ่ายรู้ดีว่า ซุ้มอยู่กับที่ ที่นายกสมาคมฯ คนนี้หรือผู้นำคนพิการคนนี้กล่าวอ้าง มันคือ "ซุ้ม" จริงๆ มันไม่ใช่ซุ้มขายของครับ มันคือ ซุ้มหลบภัย มั้งครับ เพราะมันไม่มีหน้าต่าง ไม่มีที่เก็บของ มันไม่กันความร้อน ผนังมันบางมาก วางของก็ขายไม่ได้ ไม่มีอะไรในซุ้มเลย ถ้าเอาไว้ให้คนไร้ที่พึ่งซุกนอน ยังพอได้ครับ (สามารถรายละเอียดเรื่องซุ้มนี้ในบทความย่อย ตอน "เจตนาทำให้โครงการล้มเหลวของคนโกงสิทธิ์คนพิการ") ผมคิดว่าผู้บริหารของ
  • สถานประกอบการ มาถึงวินาทีนี้คงรู้ซึ้งดีว่า ผู้นำคนพิการคนนี้เป็นคนทุจริตอย่างไร

  • [ข้อ 6] ข้อนี้สุดยอดอีกข้อหนึ่งครับ สมองคิดได้ยังไง ใครขายของในโครงการ ไปเก็บเงินคนพิการและผู้ดูแลคนพิการอีก แถมไม่มีคำตอบที่ชัดเจนระหว่างการประชุม ผมแนะนำข้อกฎหมายให้ด้วยนะครับว่า ระหว่างดำเนินการโครงการลักษณะนี้หากมีการเรียกเก็บเงินอกเหนือโครงการถือว่า ผิดระเบียบมาตรา 35 ปี 2558 ด้วยครับ ยกเว้นแต่มีการส่งมอบรับมอบทรัพย์สินเรียบร้อยแล้ว เท่านั้น จุดนี้จึงชี้ให้เห็นว่า ลักษณะการดำเนินการโครงการนี้ในภาพรวมหน่วยงานราชการไม่ควรอนุมัติเห็นชอบโครงการ เพราะมีหลายจุดไม่ตรงกับในระเบียบมาตรา 35 ปี 2558 ครับ
  • [ข้อ 7] ชัดเจนสนับสนุนการวิเคราะห์ของผมนะครับว่า ผู้นำคนพิการรคนนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่แรก ต้องการให้เจ๊งเพื่อยึดเครื่องมือ ยึดรถ พอมาอ่านข้อความว่า "นาย.........ไม่ได้ดำเนินการตามแผนที่วางโครงสร้างไว้" ผมขอให้ทุกท่านกลับไปอ่านที่ [ข้อ 1] ที่ระบุว่า "นาย...........ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ แต่ไม่ราบรื่นทั้งหมด" ชัดเจนว่าขัดแย้งกัน ยิ่งทุกท่านอ่านไปเรื่อยๆ จนถึง {ข้อ 20} ท่านก็จะทราบข้อทุจริตทั้งหมดครับ
  • [ข้อ 8] ข้อนี้ชัดเจนนะครับ ว่าผู้นำคนพิการนี้นอกจากจะโกงทุจริตแล้ว ข้อกฎหมายตามระเบียบต่างๆ ก็ไม่รู้ ใช้เงินมั่วซั่วไม่แยกแยะ ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องให้กับสถานประกอบการ
  • [ข้อ 9] ข้อนี้ยาวหน่อยนะครับ คือ ผู้นำคนพิการนคนนี้มั่วสุดๆ ไม่ทำบัญชีให้สถานกระกอบการ ณ วันประชุมที่ 18 ก.ย.61 จึงถูกให้ทำบัญชีส่ง ภายในวันที่ประชุม เนื่องจากผู้นำคนพิการคนนี้ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการประชุมในวันที่ 18 ก.ย.613 นี้ สุดท้ายก็ไม่ทำส่งอยู่ดี ลองตามอ่านนะครับ ใน [ข้อ 14] ผู้บริหารของสถานประกอบการออกมาพูดเองเลยว่า ผู้นำคนพิการคนนี้มีพฤติกรรมอย่างไร ข้อนี้ยังระบุถึงการยอมรับของผู้นำคนพิการคนนี้ ว่าไม่ได้ใช้เงินในการจัดซื้อวัตถุดิบมาทำเบเกอรี่ จะทำได้ยังไงละครับ นัดผู้ใช้สิทธิมาแค่ 10 ครั้ง วัตถุดิบก็เป็นของธุรกิจตัวผู้นำคนพิการเองเกือบทั้งหมดครับ ก็เขาตั้งใจโกงโครงการนี้ตั้งแต่ต้นครับ
  • [ข้อ 10] ข้อนี้ผู้นำคนพิการคนนี้ก็โกหก ตัวเขาเองเป็นคนกำหนดว่า ใครมาทำเบเกอรี่จะได้วันละ 300 บาท ตอนที่แก้ต่างก่อนการประชุมวันที่ 18 ก.ย.61 ที่ทางผู้บริหารสถานประกอบการเรียกไปคุย ก็ไปบอกกับผู้บริหารว่า เป็นเงินส่วนตัว อยากให้เอง แต่เวลาประชุมกลับไปโทษผู้ใช้สิทธิ์ ที่สำคัญปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้นำคนพิการคนนี้บริหารไม่ดี ไม่หาวิทยากรดีๆ มืออาชีพมาสอน กลับเอาคนพิการทางจิตมาสอนคนปกติที่เป็นผู้ดูแลคนพิการ ทำให้ตรงจุดนี้ก็อาจจะเป็นอีกเรื่องที่ ผู้นำคนพิการคนนี้ตั้งใจให้โครงการล้มเหลว
  • [ข้อ 11] เต็มๆ นะครับข้อนี้ มีเงินเหลือตาม ข้อ 7) ในตารางข้างบนที่ผมยกยอดกล่าวถึงมาจากตอนที่ 4/5 ถูกสรุปในที่ประชุมว่าแทบไม่ได้ใช้เงินในส่วนนี้เลย ก็บอกแล้วว่า ผู้นำคนพิการคนนี้ตั้งใจทุจริต แต่แรกครับ

  • [ข้อ 12] ในข้อนี้ตามทรรศนะของผม มันจะไม่เกิดขึ้นเลย เหตุการณ์ที่ผู้ใช้สิทธิ์ต้องมาขอเครื่องมือทำเบเกอรี่ ต้องมาขอวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ และต้องมาขอสิทธิเรื่องการครอบครองรถกระบะ จากผู้นำคนพิการคนนี้ คนที่คิดทุจริตมาตั้งแต่แรก คนที่คิดว่าจะไม่ให้อะไรใครเลย ทั้งๆ ที่สิทธิมูลค่า 109,500 บาท เป็นของผู้ใช้สิทธิ์ตามมาตรา 35 มาตั้งแต่แรก
  • [ข้อ 13] สำหรับการออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบของข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการโกงสิทธิ์คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ของสมาคมฯ นี้นั้น ถูกระบุชัดเจนในข้อนี้ว่า เจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งรับรู้ปัญหาแล้วในวันที่ประชุม 18 ก.ย.61 ก็ยังไม่คิดจะแก้ไขอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าตัวผมเป็นคนพิการรุนแรง แล้วมีเงินเดือนกิน มีองค์กรดีๆ มาจ้างผมให้มีหน้าที่ดำเนินคดีกับข้าราชการที่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ผมจะลุยเดินหน้าฟ้องให้เรียบเลยถ้าผมมีหลักฐาน ผมไม่ได้มีกำลังขนาดนั้น ขนาดหลักฐานเห็นกันจะๆ ขนาดนี้ เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ทำอะไรเลย ไม่แปลกใจหรอกว่า นายกสมาคมฯ คนนี้ทำไมถึงย่ามใจขนาดนี้
  • [ข้อ 14] ข้อนี้ชัดเจนนะครับ ผู้บริหารของสถานประกอบการที่จ่ายเงินมา 3.3 ล้านบาท เขาเห็นครับว่าผู้นำคนนี้ไม่ได้ทำตามรายละเอียดโครงการที่่เสนอเข้าไป และไม่ยอมทำบัญชีส่งด้วย ผู้นำคนพิการคนนี้ จะมีส่งได้ยังไงละครับ บัญชีรับ-จ่าย ก็เพราะเขาไม่ได้ใช้จ่ายตามความเป็นจริงครับ ทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงมองออกแล้วว่า ทำไมท่านผู้พิพากษาถึง "ยกฟ้อง" ผมจำได้เลยครับว่า ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายฝ่ายผม ซักถาม [ข้อ 14] นี้กับทางผู้นำคนพิการคนนี้ ถึงกับตอบไม่ถูก อ่านไม่ออก ท่านผู้พิพากษา จึงให้ทนายผมเป็นคนอ่านเอง จะได้ไม่เสียเวลา เพราะผู้นำคนพิการคนนี้ อ้างว่ามองไม่เห็นตัวหนังสือมันเล็ก และยังอ้างว่า ทนายฝ่ายผมพูดเสียงลักษณะข่มขู่ทำให้ตกใจ 

  • [ข้อ 15] ในข้อนี้ทางผู้บริหารสถานประกอบการ ตำหนินายกสมาคมฯ คนนบี้ ว่าไม่ยอมทำตามรายละเอียดโครงการ ถ้าทำจริงจะไม่มีใครมาร้องเรียน ผู้นำคนพิการคนนี้ตอบง่ายๆ เลยว่า "ถ้าทำผิดพลาดตรงไหน ขอยอมรับความผิด และจะไม่ขอความเห็นใจ" สำหรับผมนั้นต้องขอตอบแทนผู้บริหารสถานประกอบการและพี่น้องครอบครัวคนพิการที่ถูกโกงไปว่า "ช่างหน้าด้านและแถสีข้างอย่างที่ไม่กลัวบาปกรรมจริงๆ เพราะคุณคิดโกงทุจริตแต่แรกแล้วครับ"
  • [ข้อ 16] ข้อนี้ผู้นำคนพิการคนนี้ยังแถต่อไม่หยุด ทุกท่านไปอ่านเองนะครับ ทำไมจะโอนรถกระบะให้คนพิการไม่ได้ ซื้อเงินสดนะครับ ไม่ได้ไปเข้าไฟแนนซ์หรือกู้ธนาคารที่ไหน ถึงต้องให้มาตรวจสอบเครดิตคนซื้อ มึนรึเปล่าครับท่านผู้นำคนพิการ ใครอ่านที่คุณตอบแบบนี้ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วครับ
  • [ข้อ 17] ข้อนี้นะครับทุกท่าน ผมรู้สึกสังเวชใจกับคนโกง ที่คอยแก้ตัวในที่ประชุมแล้วพยายามพูดให้ตัวเองดูดี เพ้อฝันว่า "๓เป็นโครงการที่ยั่งยืน" คิดจะให้ล้มเหลวตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนคำพูดที่ว่าไม่ได้ระบุว่าโครงการจะเลิกเมื่อไหร่ คุณมึนรึเปล่า โครงการมาตรา 35 กฎหมายให้จบโครงการภายใน 1 ปี คุณจะเอาคนพิการและผู้ดูแลคนพิการทั้ง 30 คน ไว้เป็นทาสทุจริตของคุณหรือยังไงครับ ตอบไปเรื่อย ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรแล้ว ยมบาลก็คงไม่กลัวใช่ไหมครับ
  • [ข้อ 18] ผมสรุปข้อนี้ครับว่า ผู้นำคนพิการคนนี้ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ดราม่าสุดๆ เหมือนผู้นำคนพิการที่อยุธยาดราม่าร้องไห้ในศาล 
  • [ข้อ 19] มาถึงตรงนี้แล้วนะครับ ข้อนี้เป็นคำถามที่ผมบอกเลยว่า ไม่ว่าใครก็ไม่ได้คำตอบ เพราะตอนจบของการประชุมครั้งนี้คือ นายกสมาคมฯ คนนี้ ที่ตั้งใจโกงสิทธิ์คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ คิดง่ายๆ ตามสูตรที่ลูกพี่ใหญ่มันสั่งสอนกันมาว่า ให้เอาเงิน 20,000 บาท ปิดปากทุกคน หัวสมองพวกทุจริตมันคิดได้แค่นี้ มันมีตัวเลขในใจแค่นี้ มันทำกันทั้งกระบวนการ ครับ
  • [ข้อ 20] ข้อนี้นะครับ ในที่ประชุมสรุปซะสวยหรูว่าให้ผู้นำคนพิการคนนี้ทำอะไรบ้าง ผมสรุปแทนให้ว่าหลังจากนั้น คนทุจริตคนนี้ทำตามที่ผมบอกในข้อ 19 ครับ จ่าย 20,000 บาท ให้เรื่องจบ 



ผมรู้นะครับว่า กลุ่มทุจริตคอรัปชั่น ตามอ่านบทความผมอยู่ ผมอยากให้คนพิการทุกคน ผู้สนใจทุกท่าน ตามอ่านมหากาพย์ 5 ภาคที่ผมร่างไว้กว่า 200 ตอน แล้วท่านจะมองออกว่าใครคือ ลูกพี่ใหญ่ของคนเหล่านี้ เรียก "นายใหญ่" ละกัน ยกย่องหน่อย เพราะว่า นายใหญ่ของพวกนี้พอเรื่องจวนตัว เขาคงถีบพวกนี้ตกขบวนเอง ก็เพราะว่ามันโกงินทุจริตซะโจ๋งครึ้มขนาดนี้ กินมูมมามจนมีหลักฐานมากมายชัดเจน ว่าแต่ว่าหลักฐานขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ราชการที่กินภาษีประชาชน ไปอยู่ไหนหมดครับ หรือว่าเงินมันอุดปาก อุดหู อุดตาหมดครับ

**มีแฟนคลับถามนอกรอบมาว่า มีข้อมูลแค่นี้หรือ ผมขอแจ้งที่นี้ว่า ข้อมูลมีเยอะมาก ถ้าพิมพ์น่าจะได้สัก 30 ตอน ผมจึงตีกรอบแสดงหลักฐานที่คิดว่ามีผลต่อการพิจารณา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษาเท่านั้น ตามดุลพินิจของผมครับ**

ผมขอขบพระคุณท่านผู้พิพากษา ที่มีคำวินิจัย "ยกฟ้อง" มา ณ ท่นี้ด้วยครับ

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 19 เม.ย.63

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น