หน้าเว็บ

9 ต.ค.62 @ "หนังสือเรียกปรับเงินสถานประกอบการ 5.5 ล้านบาท" เข้ากองทุนส่งเสริมคนพิการ ผลแห่งความเพียรในการต่อสู้โกงสิทธิ์คนพิการ ตอนที่ 1/3

สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับบทความตอนนี้ เป็นตอนแรกที่ผมได้เขียนถึง "ภาค ๕ ผลการขับเคลื่อน" ที่พวกเราทุกคนในเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ได้ออกมาร่วมกันต่อสู้ต้านโกงสิทธิ์คนพิการ เราทุกคนมีความมั่นใจว่า การเปิดโปงการทุจริตคอรัปชั่นของพวกนายกสมาคม มูลนิธิ ทั้งระดับประเทศและระดับจังหวัด ต้องสร้างผลกระทบ ทำให้เกิดการยับยั้งชั่งใจ อย่างแน่นอน ทำให้คนทุจริตมากอาจทุจริตน้อยลง ระวังตัวมากขึ้น แต่กฎหมายตาม พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ไม่มีบทลงโทษทางอาญา สำคัญกว่านั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีฝ่ายเดียวที่ถูกเรียบปรับเงงินเข้ากองทุนส่งเสริมคนพิการฯ คือ "สถานประกอบการ"

หากย้อนคดีกลับไปที่ ปี พ.ศ.2559 มีการกระทำความผิดโกงสิทธิ์คนพิการ (ตามพยานข้อมูลหลักฐานที่ทางเรามีอยู่) ในจังหวัดนครปฐม พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร สุพรรณบุรี สระบุรี และอีกหลายจังหวัด แต่กลับเกิดกลุ่มคน โดยเฉพาะข้าราชการ ร่วมทุจริตประพฤติมิชอบ เข้ามาช่วยเหลือแทรกแซง ทำให้คดีโกงสิทธิ์คนพิการเมื่อปี 2559 เงียบหายไป จนมาถึงปี 2562 ที่ทางเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ลุกขึ้นมาร้องเรียนเปิดโปง ให้สังคมได้รับทราบอีกครั้ง พวกเราหลายคนถูกฟ้องศาล ถูกแจ้งความดำเนินคดี รวม 8 คดี ส่วนตัวผมถูกฟ้องศาล 5 คดี และถูกแจ้งความ 1 คดี แต่เพราะการถูกฟ้องศาล ปรากฎว่า ทำให้เราได้หลักฐานสำคัญ และหลักฐานลับ จำนวนมาก ซึ่งผมจะได้ทยอยนำมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้อ่าน เพื่อให้ได้รู้ ได้เห็น ได้มีประสบการณ์ร่วมกัน

สำหรับบทความตอนนี้ ผมขอนำ "หนังสือเรียกเก็บเงิน" ของบริษัท 2 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทลูก หรือในเครือของสถานประกอบการขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ระบุวันที่ 9 ตุลาคม 2562 ซึ่งหนังสือ 2 ฉบับนี้ ถูกออกเนื่องมาจากมีการกระทำความผิดจริงของสมาคมมูลนิธิคนพิการที่กระทำความผิดตั้งแต่ปี 2559 และเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการออกมาเปิดโปงความจริง ทำให้มีการสอบสวนการทุจริต ส่งผลให้มีการเรียกเก็บเงินย้อนหลังตั้งแต่ปี 2559 ถึงวันเรียกเก็บเงิน ปรากกฎเป็นหนังสือ 2 ฉบับนี้ ครับ



จะพบว่า มูลค่ารวมของ 2 บริษัทนี้ ที่ต้องชำระเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สูงถึง 5.5 ล้านบาท แต่ตามข้อเท็จจริงแล้ว กลุ่มบริษัทนี้หากนับว่ากระทำความผิดทั้งหมดมาตลอด 5 ปี เพราะไปผ่านมูลนิธิสมาคมคนพิการ ที่โกงสิทธิ์คนพิการ จะต้องชำระเงินรวมดอกเบี้ยปรับ รวมกันทั้งสิ้น สูงถึง 130 ล้านบาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านบาทถ้วน)

ในบทความต่อๆ ไป ผมจะค่อยๆ นำเอกสารลับ ที่ได้ในชั้นศาล ที่เรียกมาจากกระทรวงแรงงาน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาแบ่งปัน เปิดเผย ข้อมูลสำคัญ ที่สามารถเชื่อมโยงให้เห็นถึงการทุจริตคอรัปชั่น และทุจริตประพฤติมิชอบได้อย่างน่าสนใจ สะท้อนแนวคิดทฤษำีสมคบคิดได้อย่างลงตัว สำหรับตอน 2/3 และตอน 3/3 ติดตามอ่านกันครับ

"หนังสือเรียกเก็บเงินสถานประกอบการ" ทั้ง 2 ฉบับนี้ เป็นผลพวง ของการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม ที่แม้แต่เจ้าหน้าาที่รัฐระดับสูง ไม่ยอมเปิดเผยสู่สังคม ทำให้สังคมมองว่า พวกเราในนามเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เป็นอากาศธาตุ ไม่มีความหมาย แต่แท้จริงแล้วเกิดผลกระทบมากมาย มีการตรวจสอบจากการ้องเรียนทั่วประเทศ และยังพบการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการเรียกเก็บเงินสถานประกอบการจำนวนมาก ซึ่งผมจะได้นำมาทยอยเปิดเผยต่อไป

ดังนั้นผมและสมาชิกเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ขอรณรงค์ให้สถานประกอบการ อย่าไปเสี่ยงกับสมาคมมูลนิธิคนพิการ ที่ทุจริตโกงสิทธิ์คนพิการ แม้วันเวลาจะผ่านไปกี่ปี หากตรวจพบการกระทำความผิด ของสมาคมมูลนิติคนพิการ สถานประกอบการต้องถูกเรียกเก็บเงินพร้อมดอกเบี้ย เช่นเดียวกันกับสถานประกอบการทั้ง 2 แห่งนี้ครับ

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 20 ต.ค.63

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น