หน้าเว็บ

27 เม.ย.63 @ "ผู้พิพากษาพิจารณาคดี จำหน่ายคดีชั่วคราว" คดีที่ 5 แพ่ง_หมิ่นประมาท ตอนที่ 1/3 @ ท้ายคำร้องจะฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ

สวัสดีครับทุกท่าน บทความนี้เป็นซีรี่ส์สั้นๆ ก่อนเพียง 3 ตอน นับเป็นคดีที่ 5 เป็นคดีแพ่ง ส่วนตัวผมคิดว่า ผมคงเป็นคนส่วนน้อยมากๆ ในฐานะคนพิการที่ถูกฟ้องถึง 5 คดี ในเวลาไล่เรี่ยกัน แน่นอนว่า คนพิการธรรมดาๆ คงจะไม่ถูกฟ้องเยอะขนาดนี้ ผมจำได้เลยว่า คุณแม่ผม น้องสาวผม ญาติผม กังวลใจมาก ส่วนภรรยาผมนั้นเธอเป็นนักต่อสู้อยู่แล้ว เธอเข้าใจในเรื่องราวความเป็นมาต้นสายปลายเหตุ จนทำให้ผมถูกฟ้องถึง 5 คดี แน่นอนว่าผมคิดว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่ทุกๆ คดีนั้น มีจุดเชื่อมโยงมาจากการที่ผมออกมาขับเคลื่อนเปิดโปงการทุจริตคอรัปชั่นของผู้นำคนพิการ และการทุจริตประพฤติมิชอบเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรืออาจจะใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบได้

คดีที่ 5 คดีแพ่ง ที่มีที่มาที่ไปจากคดีที่ 2 คดีหมิ่นประมาท สืบเนื่องจากเมื่อฝ่ายตรงข้ามชนะคดีหมิ่นประมาทในศาลชั้นต้น แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังคงอุทธรณ์แม้ว่าจะชนะคดี ส่วนตัวผมแน่นอนว่าต้องอุทธรณ์ด้วยเช่นกัน (อ่านเพิ่มเติมที่ลิงก์นี้ครับ https://npr-pwd.blogspot.com/2019/09/18.html) เพราะตามข้อเท็จจริงผมไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำคนพิการระดับจังหวัดคนนี้ แม้แต่น้อย และเหตุที่ต้องใส่ชื่อนามสกุลลงไปในแผนผังนั้นมีความจำเป็น ไว้อธิบายทางคณะกรรมการของกระทรวงแรงงานว่าเคยเป็นรองประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการเท่านั้น

เนื่องจากโจทก์ในคดีนี้ ได้กล่าวถึงชื่อผม และนำบัญชีธนาคารของผมออกมาพูดในทางเสียหายพร้อมกับผู้นำคนพิการคนอื่นๆ อีกกว่า 10 คน หลังจากที่ผมออกมาเปิดโปงการโกงสิทธิ์คนพิการ จึงเป็นเหตุให้ผมต้องเชื่อมโยงตัวบุคคลในแผนผัง โดยที่ผมไม่เคยพาดพิงโจทก์แต่อย่างใด (การเชื่อมโยงบุคคลเพื่อเปิดโปงตัวละครสำคัญๆ ทั้งตัวผู้นำคนพิการระดับประเทศและอดีตข้าราชการ รออ่านใน "ภาค ๑ ปฐมบทของการขับเคลื่อนพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ" เร็วๆ นี้ครับ

สำหรับภาพคำร้องที่ผมยื่นเมื่อวันที่ 27 เม.ย.63 ในคดีที่ 5 คดีแพ่ง
ระบุชัดเจนว่า จะฟ้องกลับในคดีที่ 1 ที่โจทก์เคยฟ้องศาลว่าผมแจ้งความเท็จ

หากมีคำสุภาษิตโบราณว่า "แกว่งเท้าหาเสี้ยน" ผมคิดว่าคดีที่ 5 คดีแพ่ง_หมิ่นประมาท ครั้งนี้ สามารถใช้สุภาษิตโบราณนี้ได้เลยครับ เพราะสำหรับคดีที่ 5 ที่เชื่อมโยงจากคดีที่ 2 หมิ่นประมาท ผมยังคงไม่ฟ้องกลับในคดีนี้ เพราะผมยังมีเรื่องงานที่ต้องช่วยเหลือคนพิการเสียก่อน ผมกำลังทำโครงการ Workable Organization อยู่ครับ ทางหนึ่งก็เปิดโปงการโกงสิทธิ์คนพิการ ในนามเครือข่ายพิทัักษ์สิทธิ์คนพิการ  ทางหนึ่งก็แนะนำการส่งเสริมอาชีพคนพิการที่ถูกต้อง ในนาม Workable Organization ครับ

ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีคดีเกิดขึ้น 3 คดี ทั้งหมดเกิดจากโจทก์ ซึ่งเป็นผู้นำคนพิการระดับจังหวัด ฟ้องผมคนเดียว ผมกับทางทนายได้ปรึกษากันแล้ว ในคดีที่ 1 คดีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน นั้นมีสิ่งผิดปกติมากมาย และที่สำคัญ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ "ยกฟ้อง" ทั้ง 2 ศาล กอปรกับหากพิจารณาตามคำพิพากษาจะพบว่า "การแจ้งความของผมต่อผู้นำคนพิการคนนี้นั้นเป็นข้อเท็จจริง" จึงไม่เป็นการแจ้งความเท็จ เราจึงตัดสินใจร่วมกันว่า ในคำร้องส่วนท้ายนั้น ย่อหน้าสุดท้ายเราจะระบุ ถึงการจะฟ้องผู้นำคนพิการคนนี้ว่าได้ "ฟ้องเท็จและเบิกความต่อศาลอันเป็นเท็จ" และในเร็วๆ นี้ ทางทนายจะได้ทำการฟ้องศาลต่อไปครับ

ผมจะนำทุกท่าน ได้ทราบความตามคำร้องของผม โดยหน้าแรกเป็น รายงานกระบวนพิจารณา ส่วนอีก 5 หน้า เป็น คำร้อง 4 หน้า+ฎีกาตัวอย่าง 1 หน้า ดังนี้ครับ

หน้าที่ 1

สำหรับหน้าแรกนี้เป็น "รายงานกระบวนพิจารณา" ผมขอให้ความรู้เพื่อนๆ ว่าเนื่องจากคดีที่ 5 คดีแพ่ง นี้มีผลผูกพันมาจากคดีที่ 2 คดีหมิ่นประมาท ทำให้คดีหมิ่นประมาท ต้องถึงที่สุดก่อนในชั้นฎีกา ท่านผู้พิพากษาคดีนี้ จึงได้นัดหมายทั้งสองฝ่ายในวันที่ 27 เม.ย.63 หลังจากการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่ 2 หมิ่นประมาท ในวันที่ 22 เม.ย.63 (สถานการณ์จริงฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 เม.ย.63) และเมื่อทั้งสองฝ่ายทราบผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงขอจำหน่ายคดีออกไปก่อนจนกว่าคดีหมิ่นประมาทจะถึงที่สุด ครับ

หน้าที่ 2

หน้าที่ 3

ในหน้าที่ 3 นี้ ผมขออนุญาตพิมพ์เป็นความคิดฉบับย่อให้บางท่านที่อาจจะทำความเข้าใจยากกับข้อความทางกฎหมาย เช่น คนพิการ และสมาชิกในครอบครัว ที่อาจจะกำลังตามอ่านบทความในตอนต่างๆ ดังนี้ครับ

ในคำร้องได้อ้างถึง คำพิพากษาศาลฎีกา 706/2531 ที่มีการอ้างอิงมาตรา 329 และยืนตามศาลอุทธรณ์ "ยกฟ้อง" และเป็นกรณีศึกษาได้ว่า ผมได้แสดงความคิดเห็นโํดยสุจริต ปกป้องส่วนได้เสียตามทำนองคลองธรรมโดยสุจริต ซึ่งแม้ว่าผมจะฟังคำพิพากษาว่าผม หมิ่นประมาท แต่ในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาได้พิพากษา "ยกฟ้อง"

หน้าที่ 4

ในหน้าที่ 4-5 นี้ เป็นข้อความการโดยย่อของการ "พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง" ของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ และในย่อหน้าสุดท้ายตามที่มผมกล่าวอ้างไว้ข้างต้น คือ ผมจะฟ้องกลับในคดีที่ 1 ว่าผู้นำคนพิการระดับจังหวัดคนนี้ได้กระทำการ "ฟ้องเท็จต่อศาล และเบิกความเท็จในชั้นศาล" หรือมีเจตนาที่จะทำให้ผมต้องทั้งเสียเวลา เสียโอกาสในการทำงานขาาดรายได้ เสียค่าใช้จ่าย ค่าคนขับรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงรถ และอื่นๆ ซึ่งผมได้ทำรายการความเสียหายไว้หมดแล้ว

หน้าที่ 5

หน้าที่ 6 คำพิพากษาฎีกา 706/2531

ในหน้าที่ 6 นี้เป็น คำพิพากษาฎีกา 706/2531 ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่ทางทนาย นำมาอ้างอิงในคำร้องขอให้พิพากษายกฟ้อง ในศาลแพ่งนี้ แต่เนื่องจากท่านผู้พิพากษามีพิจารณาให้ จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว ตามเอกสารหน้าที่ 1 ดังกล่าวข้างต้น ครับ

ตามที่ผมได้เกริ่นไว้แล้วนะครับว่า คดีในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับเป็นกลุ่มคดีที่มีความเป็นมา และการเชื่อมโยงกับบุคลจำนวนมาก อีกทั้งยังอาจจะเชื่อมโยงไปยังขบวนการทุจริตคอรัปชั่น และทุจริตประพฤติมิชอบ หรือไม่อย่างไร ขึ้นกับข้อมูลหลักฐานที่ผมจะมานำเสนอ และทุกท่านที่ได้อ่านนั้นจะมีดุลพินิจอย่างไร

ในตอนที่ 2/3 ผมจะนำข้อมูลจริงที่ผู้อ่านจะได้ทั้งความรู้ และความจริง อะไร ฝากติดตามด้วยครับ แน่นอน ว่า 3 คดีของจังหวัดพระนครศรีออยุธยา เกี่ยวข้องกับ  "ภาค ๑ ปฐมบทของการขับเคลื่อนพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ" แบบจัดเต็ม ไม่มีข้าม เร็วๆ นี้ครับ ใครเป็นใคร จะได้รู้กันไปครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น