หน้าเว็บ

27 เม.ย.63 @ "คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1" คดีที่ 2 อาญา_หมิ่นประมาท ตอนที่ 2/3 @ รายงานตัวสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี

สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับบทความใน "ตอนที่ 2/3 @ รายงานตัวสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี" ผมอยากถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับผู้อ่านทุกท่านจากประสบการณ์ตรงของผมเอง เริ่มจากวันที่ 16 สิงหาคม 2562 ผมเดินทางไปศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อฟังคำพิพากษา แล้วมีคำพิพากษาว่า ผม "หมิ่นประมาท" ผู้นำคนพิการระดับจังหวัด (สามารถอ่านเพิ่มเติม "ตอนที่ 1/3 @ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง") ส่งผลทำให้ผมต้องเสียค่าปรับวางที่ศาลเพิ่มเติม และตัวผมยังต้องเดินทางไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อออก "บัตรประจำตัวการคุมความประพฤติ" (สีชมพู) โดยในบัตรประจำตัวระบุให้ผมไปรายงานตัวที่ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี เพราะผมมีทะเบียนบ้านและอาศัยในเขตจังหวัดนนทบุรี

ผมจำได้ว่าวันที่ 16 สิงหาคม 2562 ผมมีนัดอัดรายการ "คมชัดลึก" ของช่องทีวี เนชั้น 22 (NATION 22) เวลา 16.00 น. ผมและภรรยาพร้อมกับน้องที่มาขับรถให้ เรามาไม่ทัน ทาง สนง.คุมประพฤติ จ.พระนครศรีอยุธยา ติดเที่ยงพอดี แต่ภรรยาผมมีไหวพริบดี จึงขอนำเอกสารมากรอกก่อนระหว่างรอ จนท.ทานข้าวเที่ยง ทำให้เราไม่ได้รอแบบสูญเปล่า อีกทั้ง จนท. ตัดสินใจที่จะทำงานเร็วขึ้น จึงทำให้เราสามารถออกเดินทางจากพระนครศรีอยุธยาประมาณ 14.30 น. เราใช้เวลาเพียง 1 ชม. 30 นาที เดินทางมาถึงอาคารเนชั่น กม.5 ถนนบางนา-ตราด แบบฉิวเฉียด ทุกท่านสามารถดูเทปรายการ "คมชัดลึก ตอน: ชำแหละคนใจบาป หากินกับคนพิการ" ตามลิงก์นี้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=O-rNT_hISDU&t=732s หรือจะดูจากที่ผมวางคลิปไว้ข้างล่างนี้

  

จากนั้นมาผมก็ได้มารายงานตัวที่ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี แล้ว 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 7 พ.ย.62 และ 11 ก.พ.63 เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ตอนผมรายงานตัว ดีเยี่ยมและสุภาพกับผมอย่างมากครับ ที่ผมพิมพ์ให้ทุกท่านได้อ่านถึงตรงนี้ ผมแชร์ประสบการณ์ของการต้องกลายเป็นคนที่ต้องมี "บัตรประจำตัวการคุมความประพฤติ" และต้องมารายงานตัว หากท่านใดพึ่งมาอ่าน ผมขอบอกซ้ำว่า ผมเป็นคนพิการรุนแรง แต่เมื่อตามกฎหมายผมต้องมาทั้งขึ้นศาล หรือแม้แต่รายงานตัวก็ตาม ไม่มีอะไรที่สบายเลย ภรรยาผมร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้ง เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะผมต้องขึ้นศาล หรือต้องต่อสู้เพื่อคนอื่นนะครับ แต่เธอร้องไห้กับความอดทนที่ทั้งตัวผมและครอบครัวต้องต่อสู้กับความไร้สำนึกถึงความถูกต้องของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ปล่อยให้ครอบครัวเราเผชิญกับวิบากกรมในครั้งนี้ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐละเลยความถูกต้อง ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ให้ถูกต้อง สงสารบรรพชนที่กอบกู้บ้านเมืองมา ปล่อยให้ครอบครัวผมและครอบครัวคนพิการต้องต่อสู้กันตามลำพัง

ผมเดินทางไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี มาแล้ว 2 ครั้งครับ
หากทุกท่านได้ตามอ่านบทความใน ตอนที่ 1/3 @ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง จะทราบคำสั่งของท่านผู้พิพากษาที่ให้ผมรอลงอาญา 2 ปี และรายงานตัว 1 ปี รวม 4 ครั้ง ระเบียบการในการรายงานตัวผมได้นำมาวางเป็นภาพสแกนข้อมูลภายในบัตรประจำตัวฯ สีชมพูแล้ว ตัวผมเองต้องขึ้นศาลทั้ง 5 คดี ใช้ความอดทนกับสภาพร่างกายที่พิการรุนแรงในการขึ้นศาล ศาลบางจังหวัดไม่มีลิฟต์เพราะสร้างมานาน ด้วยความที่ผมเกรงใจเจ้าหน้าที่ ผมตัดสินใจขี่หลังน้อง (คุณเทพฤทธิ์ ศรีคงรักษ์) ที่มาช่วยขับรถ ขึ้นไปถึงชั้น 2 จนต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะกระเพาะปัสสาวะกระแทก กับหลัของน้องที่ผมขี่หลัง สุดท้ายหลังจากนั้นผมจึงต้องรบกวนให้เจ้าหน้าที่ รปภ. ช่วยกันดันล้อรถเข็นขึ้นบันไดศาล ตลอดมาจนถึงปัจจุบันครับ ซึ่งแน่นอนว่า ความทุกข์เหล่านี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรือตามเวรกรรมก็ตาม






สำหรับบทความนี้ ผมเริ่มหัวข้อเป็น 27 เม.ย.63 เพราะว่าในคดีนี้ ในชั้นศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แน่นอนว่า ผมได้ติดต่อมาที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี ว่าคณะท่านผู้พิพากษาได้ยกฟ้องแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง จึงได้ทราบว่า ให้ผมนำ "คำพิพพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑" ไปให้เท่านั้น จะดำเนินการเรื่องให้ ดังนั้นวันที่ 27 เม.ย.63 ช่วงเช้า ผมจึงออกจากบ้านบริเวณบางบัวทอง วิ่งตรงมาที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี ที่ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ แล้วจึงเดินทางไปยังศาลแพ่ง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรอนัดพร้อมในช่วงบ่าย 13.30 น. ครับ

ในสภาวะไวรัสโควิดระบาด มาศาลก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาครับ

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระนครศรีอยุธยา

หลังจากขึ้นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเรียบร้อยแล้ว โดยท่านผู้พิพากษามีคำสั่งพิจารณาให้ จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว (อ่านเพิ่มเติมที่ลิงก์ https://npr-pwd.blogspot.com/2019/09/19.html) ครอบครัวเราก็เดินทางไปที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากวันที่ 30 เมษายน 2563 ฤกษ์งามยามดี ครอบครัวเราจะมาทำบุญที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเราจะมาถวายไข่ต้มจำนวน 200 ฟอง ให้กับท่านศาลเจ้าพ่อหลักเมืองฯ ก่อนไปทำบุญถวายสังฆทานและปัจจัยที่วัดสีกุก รวมทั้งเรายังตั้งใจที่จะทำบุญด้วยแรงกายให้กับทางวัดสีกุก ต่อไปครับ

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นกรุงเก่าเมืองโบราณ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย มีดวงจิตดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ บูรพระะกษัตริย์ ที่ปกป้องบ้านเมือง เป็นจังหวัดที่มีความพิเศษ สำหรับผมมากกว่าจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจาก กรุงเทพมหานคร ดังนั้น ผมคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ผู้นำคนพิการคนนี้เวลาสาบานในศาล (แบบเสียงดังฟังชัดเกินคนปกติพูด ออกไปทางกึ่งตะโกนสาบานด้วยซ้ำ) เขาคิดอะไรในสมอง ไม่กลัวเวรกรรม ไม่กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจจะเอานิ้วขัดไขว้กันแบบมองไม่เห็นหรือเปล่า ใช้ตรรกะอะไรคิด ถึงกล้าสาบานในศาลขนาดนั้น คงใกล้ถึงเวลาชดใช้ตามคำสาบานแล้วกระมัง สาธุ ครับ

สำหรับตอนที่ 3/3 ผมจะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับคดีที่ 2 อาญา_หมิ่นประมาท ในด้านข้อกฎหมาย (เท่าที่ผมมีความเข้าใจนะครับ) พร้อมกับตัวอย่างหลักฐานจริงประกอบการค้านอุทธรณ์ ประกอบคำอธิบายครับ แน่นอนว่าในตอนที่ 3/3 นี้ ผู้อ่านจะเริ่มเห็นจุดเชื่อมโยงตัวละครบุคคลสำคัญๆ ในการโกงสิทธิ์คนพิการ ครับ

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 2 พ.ต.63

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น