หน้าเว็บ

3 ก.ย.62 @ "คำพิพากษา" คดีที่ 1 อาญา_แจ้งความเท็จ ตอนที่ 1/3 @ ยกฟ้องแล้ว แต่เบื้องหลังใครบงการ

สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับภาพถ่ายในวันขึ้นศาลนั้น จะไม่ค่อยมีภาพเท่าไหร่นะครับ ดังนั้นหากเกี่ยวข้องกับการขึ้นศาล ผมจะเน้นเป็นข้อมูลหลักฐาน หรือเอกสารเป็นหลักนะครับ ทั้งนี้ผมจะพยายามปิดชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องนะครับ "สำหรับคดีที่ 1 ซึ่งเป็นคดีอาญา และผมถูกฟ้องศาลโดยตรง ว่าผม (จำเลยที่ 1) แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน (ตำรวจ) สภอ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะทำให้ตัวโจทก์ (เหตุเกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) อาจได้รับโทษ" ผมแจ้งผู้อ่านทุกท่านนะครับว่า หากเป็นเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีนั้น ผมจะพยายามไม่พาดพิง ไม่ตำหนิ และต่อว่าผู้ใด แต่จะกล่าวถึงข้อเท็จจริงเป็นสำคัญนะครับ

ดังนั้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562 ท่านผู้พิพากษาได้มีคำพิพากษา "ยกฟ้อง" ที่โจทก์ฟ้องผม โดยท่านผู้พิพากษา ได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง ว่าผมได้ไปแจ้งความตามสถานการณ์ที่ทราบที่ได้ยินมา และตอนแจ้งความผู้นำคนพิการพระนครศรีอยุธยา ผมก็แจ้งหรือแถลงกับตำรวจว่า ได้ยินมาจากจำเลยที่ 2 (ผู้ดูแลคนพิการ) พฤติการณ์เหล่านี้ละครับผู้อ่านทุกท่าน ที่บ่งบอกว่า ตัวผมไม่ได้ไปแจ้งความเท็จใคร แต่คดีนี้ในฐานะที่ผมเองก็ชอบอ่านหนังสือ เกี่ยวกับคดีความ มีจุดพึงสังเกตได้ถึง 3 จุดใหญ่ๆ



เหตุการณ์ที่ผิดปกติของคดีนี้ ที่ผมอยากให้ติดตามอ่าน แล้วทุกท่านจะได้มีความรู้ไปด้วย เพื่อนำไประวังตัว จะได้ไม่ถูกกลั่นแกล้ง ที่มีถึง 3 จุด ดังนี้ครับ
  1. ตอนที่ผมไปให้การ หรือเรียกว่า "บันทึกคำให้การ" นั้น อยู่ในช่วงเดือนกันยายน 2560 แต่ในการให้การของพยานที่เป็น รตอ.ส (ตัวย่อ) กลับระบุเป็นผมให้การในวันที่ 15 กรกฎาคม 2560 ผมจึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่า ผมไม่ได้ไปให้การในวันที่ 15 ก.ค.60 
  2. ตอนที่ผมให้การในคดีหมิ่นประมาทเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2560 นั้น ผมได้ถอนแจ้งความ โจทก์ที่นำคดีมาฟ้องศาล ไปแล้ว ด้วยความสงสารครอบครัวและลูกๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผมได้ให้อภัยกับคนที่ชอบต่อว่าผม ให้ผมเสียหายไปทั่วแล้ว ณ วินาทีนั้น นั่นหมายความว่า ตำรวจก็ไม่ได้เรียกโจทก์ คนดังกล่าว มารับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจคนนี้ยังบอกผมว่า เมื่อผมถอนแจ้งความเรื่องก็จบ เมื่อไม่มีการเรียก โจทก์ปากเสียคนนี้มารับทราบข้อกล่าวหา ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คำถามคือ แล้วโจทก์ รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
  3. ต่อเนื่องจากข้อ 2 คือ ผู้นำคนพิการคนนี้ เอาเอกสารใบแจ้งความที่ผมแจ้งออกมาจากสถานีตำรวจได้อย่างไร เพราะถ้าตำรวจทำแบบนี้ แล้วที่อธิบายให้ผมว่าไม่เกิดปัญหา กลับมีการมาฟ้องร้องผม ผมยังติดใจสงสัย ยังต้องค้นหาความจริงต่อไป 

ทั้ง 3 ข้อนี้ มีจุดน่าสนใจอย่างยิ่งหลายมิติ ทั้งมิติของเงื่อนเวลา มิติของข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย แต่จุดร่วมสำคัญ คือ นายตำรวจคนนี้ต่างหาก รตอ. ส (ตัวย่อ) เพราะ เอกสารที่มีการแก้ไขวันเวลา ใครเป็นคนบอกผู้นำคนพิการพระนครศรีอยุธยา และใครเป็นคนเอาเอกสารให้ผู้นำคนพิการฯ คนนี้มาฟ้องผม

ภาพข้างล่างทั้ง 5 หน้านี้ คือ คำพิพากษา ยกฟ้อง ที่โจทก์กล่าวหาผม ว่าผมแจ้งความเท็จ เพื่อนๆ ลองอ่านเพื่อเป็นความรู้ ไปพลางๆ ก่อน แต่ตัวผมจะมาขยายความให้เข้าใจง่ายๆ ต่อไป อีก 2 ตอนนะครับ







ในท้ายที่สุดแล้ว คดีนี้ ฝ่ายโจทก์เมื่อท่านผู้พิพากษาได้ยกฟ้อง ไปแล้ว แต่ก็ยังอุทธรณ์คดีนี้อีก จึงงทำให้ผมต้องไปขอความช่วยเหลือกับ ยุติธรรมจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนได้รับหนังสือตอบในการความช่วยเหลือด้านหลักค้ำประกันเรียบร้อย ตามบทความนี้นะครับ

คดีนี้น่าสนใจตรงที่ มีความเชื่อมโยงกับการเปิดโปงขบวนการทุจริตโกงสิทธิ์คนพิการ หรือไม่ อย่างไร อย่างน่าสนใจ ซึ่งผมจะได้นำเผยแพร่ เชื่อมโยงทีละส่วน ทีละส่วน ผู้อ่านต้องอดทนหน่อยนะครับในการตามอ่าน แต่ผมมั่นใจว่าทุกท่านจะได้รับความรู้ และจะรู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างแน่นอน เพราะความจริงก็คือ ความจริงไม่เเปลี่ยนแปลง ต่อให้โกหก เล่นละครแนบเนียนแค่ไหน ส่วนตัวผมมีความมั่นใจในผู้พิพกาษาทุกท่าน ว่าท่านขึ้นศาลผดุงความยุติธรรม ท่านเห็นอากัปกิริยา ของผู้คนมานับไม่ถ้วน ท่านมองท่านก็รู้แล้วว่า ใครพูดโกหก ใครจริงใจ ใครโกง ใครไม่โกง ใครดี ใครชั่ว ครับ

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณท่านผู้พิพากษา และกระบวนการยุติธรรม

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 12 เม.ย.63


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น