หน้าเว็บ

21 กรกฎาคม 2562 @ เวทีเพื่อความเป็นธรรมทางสังคม 2019 (Social Equity Impact Forum THAILAND 2019) ตอนที่ 7/7 ครอบครัวของคุณอันชู (ANSHU GUPTA) อันแสนอบอุ่นและแสนธรรมดา แต่สร้างการเปลี่ยนแปลงในอินเดียอย่างยิ่งใหญ่

สวัสดีครับทุกท่าน ผมขอพิมพ์บทความนี้ปิดท้าย สำหรับความประทับใจกับทั้งตัวคุณอันชู (Anshu Gupta) และครอบครัว (ภรรยา และลูกสาว) ส่วนผมมีเรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ลองตามอ่านกันดูนะครับ ผมขมวดสั้นๆ เน้นแต่สาระที่ผมอยากแบ่งปัน สำหรับเรื่องราวของคุณอันชู ไว้ 2 เรื่องนะครับ เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และผมมีแนวโน้ม ว่าจะนำไปปรับใช้กับทั้งการทำงาน และชีวิตครอบครัว ด้วย ก่อนจะไปไกลในตัวเนื้อหา ผมขอให้เครดิตคนที่รังสรรค์บรรจุโปรแกรมนี้ไว้ในตอนท้ายของการสัมมนาในครั้งนี้ เพราะว่า การเชิญให้คุณอันชู และครอบครัว มาเล่าเรื่องความเป็นครอบครัว นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ทำให้ผมได้ทั้งตัวอย่าง และมีความมั่นใจมากขึ้นในการเดินหน้าต่อไปครับ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของฟอรั่มเวทีเพื่อความเป็นธรรมทางสังคม มาถึงตรงนี้แล้ว เวทีนี้รัฐบาลไทย อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า 100 กว่าคนที่เข้าร่วมงานคือ กลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในประเทศไทย มีส่วนขับเคลื่อนผลักดันประโยชน์สาธารณะต่างๆ ในประเทศ แทบทุกการขับเคลื่อนสำคัญ เป็นห้วงเวลา 3 วัน ที่ทุกคนมารวมกันบ่มเพาะความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ติดอาวุธทางปัญา เพื่อพร้อมนำไปต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นมากมายทั่วแผ่นดินไทย

ในสถานการณ์ต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาค ที่มีกราดเกลื่อนในสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำมีมากขึ้นเรื่อยๆ เราจะแก้ไขปัญหาสังคมไทยอย่างไรดี งานหนักสำหรับคนตัวเล็กอย่างผมและทุกคนที่มาร่วมเวที ย่อมมีอุปสรรคปัญหา บ้านและครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ การมาฟังเรื่องเล่าของครอบครัวคุณอันชู ผมจึงไม่พลาดโอกาสนี้

ภาพแสดงความเป็นครอบครัวของคุณอันชู Anchu Gupta

Anshu Gupta อดีตนักข่าวที่ผันตัวมาทำงานขับเคลื่อนด้านสังคม 1999
เขาตั้งองค์กรชื่อว่า Goonj มีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาในชุมชนชนบท
ที่ถูกมองข้ามภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจ





คุณอันชู กำลังเล่าเรื่องราวของตนเองและครอบครัว อย่างน่าสนใจ


ตลอดการเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวและครอบครัว มีสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า หลายๆ ท่านที่เป็นนักต่อสู้เพื่อสังคม ด้วยกันต้องพบเจอคือ คู่ชีวิต ครอบครัว มีส่วนสำคัญอย่างมาก หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคู่ชีวิตและครอบครัว การต่อสู้จะมีอุปสรรคมาก ดังนั้นทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นกับการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมกับกลุ่มคนพิการทั่วประเทศที่กำลังเผชิญหน้าอยู่

หลายคำถาม กับคำตอบ ที่เราทุกคนได้รับฟังนั้น ทำให้ผมจะนำไปเป็นตัวอย่าง แน่นอนว่าส่วนใหญ่ชีวิตผมและครอบครัวกำลังดำเนินรอยตามคุณอันชู และครอบครัว เพราะคุณอันชูทำงานมากว่า 20 ปี ผมทำงานตรงนี้มาประมาณ 7 ปี ผมขอสรุป สิ่งที่ผมได้รับ ตลอด 3 วัน และในวันสุดท้าย เป็น 3 ข้อ ดังนี้ครับ

  1. ผมได้แนวคิด มุมมอง จากคุณอันชู ในด้านการบริหารจัดการองค์กร แต่ผมอาจจะต้องปรับวิธีการที่แตกต่าง เนื่องจากตัวแกนกลางของ PRODUCT ในการนำเสนอต่อสังคมนั้น แตกต่างกัน ซึ่งผมได้คิดและวางแผนไว้แล้ว แต่การมารับฟัง สัมผัส รับรู้ ความสามารถ ความคิด ของคุณอันชู เปรียบเสมือนความสำเร็จที่แตกต่าง ไม่น่าจะทำได้ และท้าทาย ดังนั้น วงการคนพิการในไทยเตรียมรอพบกับรูปแบบใหม่ที่แตกต่างของการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการภายใน 3-5 ปีนี้ จากองค์กรที่ผมดูแลอยู่
  2. ผมได้แนวทางในการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ครอบครัว ซึ่งต้องเข้าใจและสนับสนุนการทำงานนในข้อ 1 รายละเอียดของตัวอย่างนั้น เช่น เรื่องของลูก ก็เป็นตัวอย่างที่ครอบครัวผมก็ไม่ต่างจากครอบครัวคุณอันชู แต่ผมแนวทางแล้วว่า ผมต้องทำอย่างไร 




หลังการเล่าเรื่องของคุณอันชู และครอบครัว คุณอันชูกับผมมองตากัน และคุณอันชูเข้ามาทักทาย รวมถึงภรรยาคุณอันชู ด้วย ผมประทับใจคุณอันชู และครอบครัว จึงขออนุญาตผู้จัดงานได้กล่าวทิ้งท้ายกับคุณอันชู และครอบครัวว่า "โดยปกติเวลาผมไปงานไหนก็ตาม ผมจะอยู่จนจบงาน แม้ว่าวันแรกผมกลับบ้านไปจากอาการท้องเสีย แต่ภรรยาผมรู้ว่าผมให้ความสำคัญกับงานนี้ ภรรยาผมดูแลจนผมสามารถมาร่วมงานต่อในวันที่ 2 และ 3 ได้ และทำให้ผมไม่พลาดโอกาสที่ได้รับฟังเรื่องราวของครอบครัวคุณอันชูครับ"

หากเป็นไปได้ ถ้าเราไปร่วมงานไหนก็ตาม พยายามอยู่จนจบงาน เพราะสิ่งที่ดีที่สุด มักอยู่สุดท้ายเสมอ และเพราะเราเคารพในคณะผู้จัดงาน ที่ได้ทุ่มเทจัดเตรียมงานเพื่อเราครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น