หน้าเว็บ

28 พ.ย.62 @ "คำพิพากษา" คดีที่ 3 อาญา_หมิ่นประมาท ตอนที่ 2/3 @ ยกฟ้องแล้ว เหตุผลที่ต้องคำนึงถึงว่า "โจทก์" เป็นใคร ทำไมมาฟ้อง น่าสนใจมากครับ

สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับบทความ 3 ตอนของชุดนี้ เป็นคำพิพากษาของท่านผู้พิพากษาในศาลชั้นต้น แน่นอนว่า ในที่สุดแล้ว ท่านผู้พิพากษาได้มีตำพิพากษา "ยกฟ้อง" ให้กับผม ส่วนฝ่ายตรงข้าม ต้องสู่ขั้นตอนต่อไปคือ การยื่น "อุทธรณ์" อย่างแน่นอน ซึ่งผมเองก็ต้องพิมพ์บทความให้กับทุกท่านได้อ่านต่อไป  บทความตอนที่ 2/3 ตอนนี้ต่อเนื่องมาจากตอนที่ 1/3 ที่ผมได้เขียนค้างเอาไว้ว่ามีจุดน่าสนใจในเนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไว้ถึง 13 จุด ซึ่งผมได้ขยายความไปแล้ว 7 จุด หรือ 7 ข้อ ในตอนที่ 2/3 ผมจะได้ขยายความเพิ่มจากข้อ 8 - 13 ครับ

สำหรับคดีที่ 3 คดีอาญา หมื่นประมาท ของศาลจังหวัดปทุมธานี ในคดีนี้นั้น ฝ่ายโจทก์ ที่ฟ้องผมเป็น "นิติกรชำนาญการชำนาญการ" ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งในความคิดผม ไม่ควรมาฟ้องผมเลย เพราะน่าจะรู้ตัวดีว่า ตัวเองเป็นข้าราชการ และไม่ปฏิบัติหน้าอันสำควรแก่การดูแล ผลประโยชน์ของประเทศชาติ กลับใช้อำนาจหน้าที่ตัวเองที่อุตส่าห์พากเพียรสะสมรับราชการมาจนใกล้เกษียณ ช่วยเหลือปกปิดบิดเบือน ไม่ทำโทษนายกสมาคมคนพิการต่างๆ ทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น จนระบาดสร้างความทุกข์เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า และยังทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นนักกฎหมาย ทุกท่านตามอ่านต่อะครับ อ่านจนไปถึงบทความตอน "คำพิพากษาอุทธรณ์" ด้วยครับ

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 1/12

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 2/12

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 3/12

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 4/12

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 5/12

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 6/12

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 7/12

สำหรับการขยายความในหน้าที่ 7/12 นี้คือ ข้อ 8
  • ข้อ 8 ฝ่ายโจทก์กล่าวอ้าง ว่าไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินคนพิการ ตรงข้อความนี้ อยู่ในคำฟ้อง ซึ่งเวลาท่านผู้พิพากษา พิเคราะห์คำพิพากษา ผมสังเกตุเห็นว่าจะต้องมีการทวนความที่ฝ่ายโจทก์กล่าวหาผม ผมเองก็ยอมรับในประเด็นนี้ว่า ในความคิดรวมถึงหลักฐาน ไม่ได้มีการบ่งชี้ว่า นิติกรชำนาญการคนนี้จะโกง มีส่วนได้ส่วนเสียจากตัวเงินที่คนพิการควรได้รับโดยตรง เพราะผมคิดว่า มันจะดูเจตนาจนเกินไป ผมจึงใช้คำว่า "คอยปัดกวาด" เพราะเดาทางจากพฤติกรรมของนิติกรชำนาญการคนนี้แล้ว ใช้อำนาจหน้าที่คอยช่วยทั้งเจ้านายเก่า และพวกบรรดานายกสมาคมต่างๆ น่าดู ส่วนผมทำไมถึงเดาทางแบบนี้ คอยติดตามในบทความปฐมบท ต่อไปที่ผมจะเริ่มพิมพ์เร็วๆ นี้ครับ ตามที่ทุกท่านอ่านนะครับ โจทก์ก็พยายามจะอธิบายให้ท่านผู้พิพากษาทราบว่า ผมไปกล่าวหาเขาครับ ซึ่งตามข้อเท็จจริงผมทำแผนผังการเชื่อมโยงบุคคลต่างๆ เพื่อนำไปอธิบายให้กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงแรงงาน ได้เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้นครับ

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 8/12

สำหรับการขยายความในหน้าที่ 8/12 นี้คือ ข้อ 9
  • สำหรับข้อ 9 นี้ ผมขออนุญาตอธิบายให้ผู้อ่าน ทุกท่านทราบว่า ผมเองก็ไม่เคยกล่าวหาโจทก์ที่ 2 ว่าทุจริตนะครับ เพียงแต่ที่ต้องมีโจทก์ที่ 2 ในแผนผังเชื่อมโยงบุคคลต่างๆ เข้าหากันนั้น ก็เป็นเพราะว่า โจทก์ที่ 2 เป็นภรรยาของโจทก์ที่ 1 ที่สำคัญโจทก์ที่ 2 ได้มีหน้าที่จาก 2 องค์กรคนพิการ ที่ดูแลโควต้าคนพิการจากกลุ่มสถานประกอบการประเภทธนาคาร และการโอนเงินตรงจากสถานประกอบการไปยังบัญชีของคนพิการ นั้นก็เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทราบดี ถึงแม้ว่าเจ้านายของโจทก์ที่ 2 จะพยายามต่อรองกับข้าราชการสังกัดกรมการจัดหางาน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนเงินให้ผ่านองค์กรคนพิการที่ดูแลอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเงินเข้าคนพิการโดยตรงแล้ว จะทุจริตไม่ได้ หากมีคำขู่จากใครสักคน ขู่กับคนพิการว่า "ถ้าไม่โอนเงินกลับมาให้เดือนละ 3,000 บาท จะถอดสิทธิ์ออกทันทีในเดือนถัดไป" ก็อาจจะมีความเป็นไปได้เหมือนกันครับ

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 9/12

สำหรับการขยายความในหน้าที่ 9/12 นี้คือ ข้อ 10-11
  • สำหรับข้อ 10 ส่วนตัว อยยากจะฝากบอกโจทก์ที่ 1 ว่า ผมก็เห็นด้วยนะครับ ที่โจทก์ที่ 1 มีหน้าที่การงานที่ดี รับราชการ และยังมีโอกาสได้สร้างบุญกุศลช่วยเหลือคนพิการทั่วประเทศด้วย ต้องให้ท่านนิติกรชำนาญการ ท่านนี้ไปถามตัวท่านเองว่า ท่านได้ทำหน้าที่อันประเสริฐของท่านแล้วหรือยัง ถ้าทำแล้วก็อนุโมทนาสาธุด้วย แต่ถ้ายังไม่ได้ทำ บั้นปลายชีวิต ท่านก็ควรกลับตัวกลับใจหากว่าท่านยังพอมีสำนึกของความเป็นคนอยู่บ้าง อย่าได้เบียดบังคนพิการอีกเลยครับ
  • สำหรับข้อ 11 ของโจทก์ที่ 2 นั้น ท่านก็เป็นคนพิการเหมือนกันกับผม ควรไตร่ตรองดูว่า ท่านช่วยเหลือคนพิการอย่างจริงใจไหม ถ้าท่านคิดว่าจริงใจ ปฏิบัติดี ไม่ดูถูกคนพิการ ผมก็ขอให้ท่านพบแต่ความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดสมปราถนา และผมก็ขอให้ท่านอย่ามาโกรธเคืองผมเลย เพราะว่าหลังจากผมออกมาเปิดโปงการทุจริตโกงสิทธิ์คนพิการ ท่านกับพรรคพวกกลับออกมาตอบโต้แถลงข่าวโต้แย้งว่า ผมจะทำให้สถานประกอบการถอดใจไม่สนับสนุนคนพิการตามมาตรา 35 ผมอยากฝากท่านว่า หากท่านทำดีแล้ว สถานประกอบการก็จะสนับสนุนท่านต่อเนื่องเองครับ ไม่ต้องกังวลใจอะไรไปครับ และถ้าท่านทำดี หน้าที่การงานของท่านก็จะไม่เสียหายแน่นอนครับ 

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 10/12

สำหรับการขยายความในหน้าที่ 10/12 นี้คือ ข้อ 12
  • สำหรับข้อ 12 นี้ ผมอยากบอกโจทก์ที่ 1 กับโจทก์ที่ 2 ตรงๆ เลยว่า ในแผนผังที่ผมนำมาแสดงนั้น หากท่านบริสุทธิ์ใจ ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะเสียชื่อเสียง ใครเป็นข้าราชการ ก็ให้กระบวนการตรวจสอบตาม 5 ขั้นตอนของราชการก็ทำไป ใครเป็นเอกชน มีผลงาน สถานประกอบการคงไม่ไล่ออก ให้ทำงานต่อไปแน่นอน ถ้าเป็นคนดีมีความสามารถ ผมมีความจำเป็นเชื่อมโยงบุคคลต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวผมถูกพวกท่านหลายคนทั้งออกมาต่อว่าให้เสียหาย ทั้งพูดชื่อของผมตรงๆ ผมยังไม่เคยฟ้องร้องพวกคุณเลย เพราะผมรู้ตัวดีว่า ไม่ได้เปป็นอย่างที่พวกท่านกล่าวหา ก็เลยตามเลย ทั้งๆ ที่ แถลงข่าวตีความ เอาบัญชีธนาคารผมมาแสดงอีกด้วย ผมก็ไม่ได้เคยออกมาตอบโต้สิ่งใด ครั้งนี้ผมถูกฟ้อง ท่านผู้พิพากษาได้ช่วยพิพากษาให้แล้ว ผมก็แนะนำว่าพวกท่านก็ควรจะหยุดได้แล้ว ไม่ควรยื้อต่อไปครับ แนะนำด้วยความหวังดีครับ

คำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของท่านผู้พิพากษา ศาล (ชั้นต้น) จังหวัดปทุมธานี หน้า 11/12

สำหรับการขยายความในหน้าที่ 10-11/12 นี้คือ ข้อ 13
  • สำหรับข้อ 13 ในบทความตอนที่ 2/3 นี้ ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอย่างสูงครับ เพราะว่าท่านผู้พิพากษาได้พิเคราะห์ โดยนำมาตรา 329 ตัดสินเจตนาที่ผมนำแผนผังมาแสดงเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองแต่อย่างใด ส่วนในรายละเอียดของการสอบวินัยจนโจทก์ที่ 1 ไม่ผิดวินัยร้ายแรงนั้น แต่ก็ยังนับว่าผิดวินัย เช่นกัน ซึ่งในเร็วๆ นี้ ผมจะนำข้อมูลสแดงถึง การผิดวินัย และผิดวินัยร้ายแรง มาให้ผู้อ่านทุกท่านได้ลองพิจารณาดูนะครับ จะได้ทราบความจริงว่า "กระบวนการและขบวนการ ช่วยเหลือ คอยปัดกวาด" นั้นมีอยู่จริง

หลังจากเคลียร์งานยุ่งๆ ช่วงเดือน พ.ย.63 เสร็จ ผมเฝ้ารอที่จะเปลี่ยนสถานะจากการตกเป็น "จำเลย" ด้วยความอดทน ว่าเมื่อเปลี่ยนเป็น "โจทก์" จะเป็นอย่างไร ขออนุญาตฝากบอกผ่านบทความนี้ไปถึงฝ่ายโจทก์ทุกคน และผู้หนุนหลังให้เงินให้ทองทุกคน รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ว่าพกคุณทำให้ผมจาก "เสือลำบาก" ได้กลายเป็น "เสือติดปีก" เรียบร้อยแล้ว เกษียณแล้วก็ไม่ต้องกังวลใจนะครับ ยังไงๆ เสือตัวนี้จะช่วยลากลงมากองให้หมด จนครบทุกคนครับ โดยเริ่มจาก
  • คดีที่ 9 จังหวัดกาฬสินธุ์ (ถึงขั้นตอนการสืบพยานแล้ว)
  • คดีที่ 10 คดีฟ้องเท็จ และกลั่นแกล้งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ+ระรานยื่นหนังสือที่ไร้หลักฐานไปทั่ว อย่างไม่มีจิตสำนึก ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองผิด และยังทำให้เสียเวลาทำมาหากินโดยฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง
  • คดีที่ 11 คดีที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ เพื่อกลั่นแกล้งผม ให้ได้รับโทษ ถูกเกลียดชัง และทำให้เสียเวลาทำมาหากิน โดยจะฟ้องทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง
  • คดีที่ 12 ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ นายกสมาคม ประธานนิธิ คนพิการต่างๆ และข้าราชการที่ร่วทุจริต ชุดที่หนึ่ง จากทั้งหมด 5 ชุด
ปีหน้า 2564 จะเป็นอีกปีที่ได้เริ่มทำบุญใหญ่ เพื่อ "เลิกทาสคนพิการ" ร่วมกับหน่วยงานสำคัญๆ ของประเทศไทยต่อไปครับ

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณท่านผู้พิพากษา และกระบวนการยุติธรรม

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 16 พ.ย.63

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น