หน้าเว็บ

12 พ.ย.63 @ "คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1" คดีที่ 3 อาญา_หมิ่นประมาท ตอนที่ 2/2 @ พิพากษายกฟ้อง ยืนตามผู้้พิพากษาศาลชั้นต้น

สวัสดีครับทุกท่าน จากตอนที่ 1/2 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ของคดีที่ 3 อาญา_หมิ่นประมาท จังหวัดปทุมธานี ซึ่งผมได้นำคำพิพากษามาแบ่งปัน โดยได้เขียนบทความอธิบายเพิ่มเติม ขยายความ ไปแล้ว 7 ข้อหรือ 87จุดสังเกต จากทั้งหมด 11 ข้อ สำหรับ ข้อ 1-7 นั้ นหากทุกท่านตามอ่านแล้วจะเห็นภาพชัดเจนถึงการพิเคราะห์จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฎเป็นตัวหนังสือ บวกกับการให้ถ้อยคำในชั้นพิจารณาคดี ที่พยานบุคคลได้ให้การไว้ สำหรับข้อ 8-11 เป็นการพิเคราะห์ที่ส่วนตัวผมชอบมากๆ ครับ รู้สึกปิติมากครับ เนื่องจาก เปรียบเสมือนการไขปัญหาเรื่องคำสำคัญให้กับคดีหมิ่นประมาทนี้ได้เลยครับ อยากให้ทุกท่านตามอ่านครับ

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อ 4 พ.ย.63 อ่านเมื่อ 12 พ.ย.63 หน้าที่ 1/12




คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อ 4 พ.ย.63 อ่านเมื่อ 12 พ.ย.63 หน้าที่ 10/12

สำหรับข้อ 8 ผมขอเกริ่นให้ทุกท่านได้ทราบเพิ่มเติมเล็กน้อย ตรงจุดสำคัญที่เป็นเรื่องการนำเสนอข่าวของนักข่าว ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว การนำเสนอข่าวมักจะพาดหัวข้อข่าวที่สั้น กระชับ และน่าสนใจ เพื่อจะสื่อสารกับผู้ชมได้รวดเร็วและดูน่าสนใจ ดังนั้นการเขียนหัวข้อข่าว ผมไม่ได้เป็นคนทำแน่นอน และหากถอดเทปดูแล้ว จะพบว่าผมไม่ได้พูดถึงโจทก์ (นิติการชำนาญการ) แม้แต่นิดเดียว ส่วนแผนผังที่ระบุชื่อผมทำขึ้นมาเพื่อนำไปอธิบายให้กับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกระทรวงแรงงาน และส่วนตัวมั่นใจว่า เวลานักข่าวนำไปเผยแพร่ก็จะปกปิดชื่อนามสกุล เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ตรงจุดนี้เอง ผมเคยคุยกับทาง บรรณาธิการข่าวของช่องข่าว เขายังสงสัยว่า เหตุใดทางนิติกรท่านนี้ถึงไม่ฟ้องทางช่องข่าว แต่กลับไปฟ้องผมแทน เนื่องจากผู้นำเสนอข่าว ไม่ใช่ผม

ดังนั้นสำหรับข้อ 8 ชัดเจนว่า ผมไม่ได้เป็นคนทำขึ้นมา ทำให้เป็นข้อพิจารณาของท่านผู้พิพากษา ว่าไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท เพราะสอดคล้องกับข้อร้องเรียน เชื่อมโยงไปถึงข้อ 9 ที่ท่านผู้พิพากษาได้พิเคราะห์ต่อว่า "ไม่มีข้อความใดที่ระบุว่าโจทก์ร่วมทุจริตด้วย" 

สำหรับข้อ 10 นี้คำว่า "คอยปัดกวาด" นับได้ว่าเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ หรือเรียกว่าเป็น "คำสำคัญ" คำหนึ่งที่มักนำมาถกกันว่า โจทก์คอยปัดกวาดให้กับอดีตผู้บังคับบัญชา ระดับอธิบดี (เทียบเท่า) ซึ่งส่วนตัวผมเองก็เลี้ยงใช้คำที่รุนแรงกล่าวหาอยู่แล้ว ผมจึงตัดสินใจใช้คำว่า "คอยปัดกวาด" ผมอยากบอกผู้อ่านทุกท่านว่า ผมได้พยายามถึงที่สุดแล้ว พยายามที่จะเข้าใจและคิดในแง่ดี กับนิติกรคนนี้มาโดยตลอด แต่ในท้ายที่สุดแล้ว คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากต้องใช้คำว่า "๓คอยปัดกวาด" เพราะในอดีต เวลามีเรื่องร้องเรียนคนพิการถูกโกงสิทธิต่างๆ ผมจะโทรศัพท์บอกนิติกรคนนี้ และผมก็โทรหาบ่อยๆ ดึกๆ 2 ทุ่ม - 4 ทุ่ม ผมก็โทรหา คุยด้วย แจ้งเรื่องแทบทุกการร้องเรียน แต่ในท้ายที่สุดเรื่องก็เงียบหายไป มาโดยตลอด ครับ ซึ่งรวมถึงคดีการโกงที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของนิติกรคนนี้ ซึ่งก็คือโจทก์ที่ 2 ในคดีนี้ นี่เอง ครับ

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อ 4 พ.ย.63 อ่านเมื่อ 12 พ.ย.63 หน้าที่ 10112

สำหรับข้อ 11 ข้อสุดท้ายของบทความชุดนี้ ก็ชัดเจนว่า คณะท่านผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทั้ง 3 ท่าน ได้พิเคราะห์และพิพากษาใช้มาตรา 329 ได้ให้ผมไม่ได้หมิ่นประมาทนิติกรคนนี้ การกระทำองผมนั้น อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ที่ทำเพื่อครอบครัวคนพิการที่ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกโกงสิทธิ์ อันเป็นประโยชน์สาธารณะ อีกทั้งยังมีความจริงที่ว่า นิติกรคนนี้ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจนต้องผิดวินัย 

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อ 4 พ.ย.63 อ่านเมื่อ 12 พ.ย.63 หน้าที่ 12/12

คดีนี้ผมเพียงรอเวลา ว่านิติกรชำนาญการคนนี้จะยื่นฎีกาอีกหรือไม่ และผมจะต้องยื่นคำร้องขอหนังสือรับรอง "คดีถึงที่สุด" เสียก่อน จึงจะเดินหน้าในการฟ้องศาลกับนิติกรคนนี้ จำนวน 2 คดี ภายในปี 2564 นี้อย่างแน่นอน เอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ได้จากการขึ้นศาลมาตลอด 2 ปี นั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก จึงเป็นปีทองของการต่อสู้เชิงรุก เพราะการต่อสู้เชิงรับ 2 ปี นั้นคงเพียงพอแล้ว ผมจึงขอให้ผู้อ่านทุกท่านติดตามอ่านไปเรื่อยๆ นะครับ เพราะผมได้ร่างเอาไว้แล้วถึง 250 ตอน ผมพึ่งพิมพ์ไปได้เพียว้รอเผยแพร่อีก 30 ตอน เท่ากับว่า ยังมีบทความที่ต้องพิมพ์จากที่วางโครงเอาไว้ใน "เบญจภาค" อีก 200 ตอนครับ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านทั้งสิ้นครับ

คดีความต่างๆ ของพวกเรา "เครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ" ณ วินาทีที่ผมกำลังพิมพ์บทความ นับว่า ใกล้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียง 1 คดีอาญาเท่านั้น ที่ผมเฝ้ารอให้ "คดีถึงที่สุด และนำไปแถลงต่อท่านผู้พิพากษาคดีแพ่ง ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อทุกเรื่องจบสิ้น พวกเราจะเปลี่ยนสถานะทันที เพื่อต่อสู้กับกลุ่มทุจริตคอรัปชั่น และทุจริตประพฤติมิชอบ ต่อไปครับ

หลังจากเคลียร์งานยุ่งๆ ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.63 เสร็จ ผมเฝ้ารอที่จะเปลี่ยนสถานะจากการตกเป็น "จำเลย" ด้วยความอดทน ว่าเมื่อเปลี่ยนเป็น "โจทก์" จะเป็นอย่างไร ขออนุญาตฝากบอกผ่านบทความนี้ไปถึงฝ่ายโจทก์ทุกคน และผู้หนุนหลังให้เงินให้ทองทุกคน รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ว่าพกคุณทำให้ผมจาก "เสือลำบาก" ได้กลายเป็น "เสือติดปีก" เรียบร้อยแล้ว เกษียณแล้วก็ไม่ต้องกังวลใจนะครับ ยังไงๆ เสือตัวนี้จะช่วยลากลงมากองให้หมด จนครบทุกคนครับ โดยเริ่มจาก
  • คดีที่ 9 จังหวัดกาฬสินธุ์ (ถึงขั้นตอนการสืบพยานแล้ว)
  • คดีที่ 10 คดีฟ้องเท็จ และกลั่นแกล้งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ+ระรานยื่นหนังสือที่ไร้หลักฐานไปทั่ว อย่างไม่มีจิตสำนึก ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองผิด และยังทำให้เสียเวลาทำมาหากินโดยฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง
  • คดีที่ 11 คดีที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ เพื่อกลั่นแกล้งผม ให้ได้รับโทษ ถูกเกลียดชัง และทำให้เสียเวลาทำมาหากิน โดยจะฟ้องทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง
  • คดีที่ 12 ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ นายกสมาคม ประธานนิธิ คนพิการต่างๆ และข้าราชการที่ร่วมทุจริต ชุดที่หนึ่ง จากทั้งหมด 5 ชุด
ปีหน้า 2564 จะเป็นอีกปีที่ได้เริ่มทำบุญใหญ่ เพื่อ "เลิกทาสคนพิการ" ร่วมกับหน่วยงานสำคัญๆ ของประเทศไทยต่อไปครับ

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณท่านผู้พิพากษา และกระบวนการยุติธรรม

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 31 ธ.ค. 63


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น