หน้าเว็บ

6 ต.ค.63 @ "ผู้พิพากษา 5 ท่าน ไม่อนุญาตให้ฎีกา" คดีที่ 1 อาญา_แจ้งความอันเป็นเท็จ ตอนที่ 2/2 @ "ไม่อนุญาตให้ำีกา" ก่อนเตรียมฟ้องศาลทุจริตครั้งสำคัญของประเทศไทย

สวัสดีครับทุกท่าน บทความตอนที่ 2/2 นี้ ต่อเนื่องจากตอนที่ 1/2  6 ต.ค.63 @ "ผู้พิพากษา 5 ท่าน ไม่อนุญาตให้ฎีกา" คดีที่ 1 อาญา_แจ้งความอันเป็นเท็จ ตอนที่ 1/2 @ "หนังสือรับรองคดีถึงที่สุด" ก่อนเตรียมฟ้องศาลทุจริตครั้งสำคัญของประเทศไทย ทุกท่านจะทราบแล้วว่าในคดีที่ 1_อาญา_แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ผมเป็นฝ่ายตั้งรับในฐานะ "จำเลย" มาตลอดเกือบ 2 ปีเต็ม อดทนกับความพิการรุนแรงที่เป็น ที่ต้องขึ้นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ไม่มีลิฟต์ ไม่มีทางลาด ช่วงแรกผมเกรงใจว่า รปภ. จะต้องมาช่วยยกรถเข็นขึ้นห้องพิจารณาคดีชั้น 2 จนต้องป่วยมีอาการเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นในระยะหลัง จึงขอแรง รปภ. ช่วยกันยกรถเข็นขึ้นชั้น 2 เพื่อรักษาสุขภาพตัวเอง 

ผมต้องอดทนกับเสียงหัวเราะ เสียงด่า ของผู้นำคนพิการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน้าห้องพิจารณาคดี ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ว่า ตัวผมเองโํดนกลั่นแกล้ง และเรื่องราวที่นำมาแกล้งคุยโทรศัพท์เพื่อด่าผมบ้าง พูดลอยๆ ขึ้นมาบ้าง ล้วนเป็นเรื่องโกหก ผมอดทนเพื่อให้ความจริงปรากฎ ผมยังคงเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ และมั่นใจในกฎแห่งกรรม สำหรับกฎหมาย การใช้กฎหมายอาจจะช้าสักนิด แต่ผมเป็นคนอดทนมานานแล้ว ความจริงจึงค่อยๆ ปรากฎออกมา ในตอนที่ 2/2 นี้ ผมจึงขอนำข้อมูลมาแบ่งปันเป็นวิทยาทานนะครับ ตามอ่านกันครับ

ผมเกริ่นในตอนที่ 1/2 แล้วว่า ส่วนตัวรู้สึกว่า รอนานมากกับการรับหรือไม่รับฎีกา ในคดีนี้ครับ ผมทั้งโทรศัพท์ติดต่อ และเดินทางมาเอง แต่ได้รับคำตอบว่า สำนวนไม่อยู่ ไม่สามารถคัดสำเนา คำร้องฎีกาของโจทก์ ได้ ต้องรอจนกว่า สำนวนทั้งหมด กลับมายังฝ่ายรับอุทธรณ์และฎีกา ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมรอจนสำนวนมาถึงและถูกส่งไปยัง ฝ่ายเก็บสำนวน จนเดินเรื่องยื่นคำร้อง ปรากฎให้ทุกท่านได้อ่านกันในตอนที่ 1/2 ดังนั้นในตอนนี้ ผมจึงขอนำลายมือการพิเคราะห์ ของผู้พิพากษาทั้ง 5 ท่าน มาให้ทุกท่านอ่านด้วยกันครับ อีกทั้งหากเราดูจากวันที่ลงนามของท่านผู้พิพากษา จึงทราบได้ทันทีว่า ใช้เวลานานกว่าคดีที่ 2 พอสมควรครับ

ตัวอย่างการพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษา


เมื่อได้ถ่ายสำเนา คำร้องฎีกาของฝ่ายโจทก์แล้ว ผมอ่านแล้ว ต้องยอมรับว่า เนื้อหาในฎีกาเปรียบเสมือนนิยายเรื่องหนึ่ง กล้าเขียนว่า ผมกับตำรวจร่วมมือกันกลั่นแกล้ง ผู้นำคนพิการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาคนนี้ อีกทั้งมีการเชื่อมโยงบุคคลต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ อย่างไม่สมเหตุสมผล เหมือนเดิมปั้นน้ำเป็นตัว และผมคงไม่นำมาให้อ่านนะครับ จะเสียเวลากับทุกท่าน ผมอยากให้ผู้อ่านได้สาระในบทความนี้ต้องจุดสังเกตที่ว่า
  • ในคำร้องได้มีการขอให้ผู้พิพากษา 5 ท่าน ท่านใดท่านหนึ่งรับฎีกานี้ ซึ่งผมไม่มีความรู้ว่า โดยปกติเมื่อมีการยื่นฎีกา ต้องผ่านการพิเคราะห์ของผู้พิพากษาถึง 5 ท่าน หรือไม่ (ตรงนี้ผมจะหาคำตอบมาลงเพิ่มเติมให้ครับ)
  • หากผู้พิพากษาทั้ง 5 ท่าน เห็นไม่ตรงกัน ผลจะเป็นอย่างไร (ตรงนี้ผมจะหาคำตอบมาลงเพิ่มเติมให้ครับ)
  • และแน่นอนว่า เมื่อท่านผู้พิพากษาทั้ง 5 ท่าน มีข้อพิเคราะห์ที่ตรงกัน จึงไม่อนุญาตให้ฎีกา
หน้าแรกของคำร้อง "ขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย"
ซึ่งปรากฎการพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาทั้ง 5 ท่าน

หากทุกท่านได้เคยอ่าน หรือย้อนอ่าน คำพิพากษาศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้ว ผมได้อธิบายถึงเหตุแห่งความเป็นมาเป็นไป และอาจส่งผลต่อการพิพากษา ไปแล้ว ดังนั้นผลคำพิพากษาทั้ง 2 ศาล และในชั้นศาลอุทธรณ์ เราสามารถเรียกได้ว่าเป็น ศาลสูง เช่นกัน และสำหรับศาลฎีกา เรียกว่า ศาลสูงสุด สำหรับภาพที่ผมตัดมาจากหนังสือคำร้องนั้น ผมจะพิมพ์ให้ทุกท่านได้อ่านแทนลายมือไปด้วยครับ

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ท่านที่ 1

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลชั้นต้นท่านที่ 1 คือ "พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา จึงไม่อนุญาตให้ฎีกา ส่งคำร้องให้ผู้พิพากษาท่านอื่นเพื่อพิจารณาต่อไป" และลงลายมือ ในวันที่ 26 ส.ค.63

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ท่านที่ 2

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลชั้นต้นท่านที่ 2 คือ "กรณีไม่เป็นปัญหาสำคัญ อันควรสู่การฎีกา จึงไม่อนุญาต ส่งคำร้องให้ท่านผู้พิพากษาท่านอื่นพิจารณาต่อไป" และลงลายมือ ในวันที่ 26 ส.ค.63

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ท่านที่ 1

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ท่านที่ 1 คือ "พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันสมควรสู่ศาลฎีกา จึงไม่อนุญาตให้ส่งคำร้อง ให้ผู้พิพากษาท่านอื่นพิจารณาต่อไป" และลงลายมือ ในวันที่ 3 ก.ย.63

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ท่านที่ 2 และท่านที่ 3

การพิเคราะห์ของท่านผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ท่านที่ 2 และท่านที่ 3 คือ "พิเคราะห์แล้ว ข้อความที่ตัดสิน ไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด ไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง" และลงลายมือ ในวันที่ 10 ก.ย.63

จากวันที่ ที่ท่านผู้พิพากษาทั้ง 5 ท่าน พิเคราะห์และลงนาม เริ่มจาก 26 ส.ค.63 ถึง 10 ก.ย.63 โดยมีการยื่นคำร้องวันที่ 25 ส.ค.63 และผมได้ติดต่อมายังฝ่ายเก็บสำนวน และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ได้ออกมาในวันที่ 6 ต.ค.63 รวมเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ครับ

จากฐานะ "จำเลย" ผมและคณะทำงาน กำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็น "โจทก์" และเป็นโจทก์ที่มีพร้อมทั้งข้อมูลพยานหลักฐาน และพยานบุคคล ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มากกว่า 2,000 หน้า และพยานกว่า 50 ปาก ส่วนจะฟ้องในมาตราใดนั้น ไม่ต้องสงสัยกังวลใจ เดี๋ยวรู้กัน ตอนนี้รู้อย่างเดียวว่า "จัดเต็ม จัดหนัก" แน่นอน ไม่หน่อมแน้ม ลิงหลอกเจ้าไปวันๆ แบบใครหลายๆ คน ที่อยากเป็นโจทก์ เพราะต้องการเอาคำโกหก ไปเรียกร้องเงินทองจากผู้นำคนพิการระดับประเทศ ที่ไม่รู้จะจัดการผมและคณะทำงาน อย่างไร จึงไปหลงเชื่อคำโกหก ของผู้นำคนพิการระดับจังหวัด

ที่ผมเงียบไป เพราะต้องใช้เวลาศึกษากฎหมายในฐานะ "จำเลย" ผ่านมาแล้ว 2 ปี ตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะศึกษากฎหมายในฐานะ "โจทก์" ครับ โดยเริ่มต้นจากมูลค่า 10 ล้านบาทก่อน เนื้อหาสาระ ที่ผู้อ่านจะได้ความรู้อะไรบ้าง ผมจะนำมาแบ่งปันตลอดการดำเนินการ ให้ได้อ่านกันครับ สำหรับตอนที่ 2/2 ผมจะได้นำข้อมูลของการ "ไม่อนุญาตให้ฎีกา" มาแบ่งปันเป็นความรู้กับทุกท่านครับ

ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณคณะท่านผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค 1 และกระบวนการยุติธรรม ครับ

พิมพ์เผยแพร่เมื่อ 18 ต.ค.63

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น